เจาะลึกขั้นตอนการบริจาคเลือด...กว่าจะได้1ถุง
0 Vote 14333 Views
กว่าจะได้บริจาคเลือด (ทำไมมันยากยังงี้!!)

"เลือดจาง" "ค่าเลือดไม่ผ่าน" "เป็นพยาธิในเม็ดเลือด"

คำเหล่านี้ถ้าคนที่เคยพาสุนัข และ แมวไปบริจาคเลือดคงเคยได้ยินมาบ้าง เพราะไม่ใช่ทุกตัวและทุกครั้งที่เรานำน้องหมาน้องแมวไป จะได้บริจาคทุกครั้งนะครับ!
วันนี้มาดูกันว่ากว่าจะได้บริจาคเลือด ต้องตรวจอะไรกันบ้าง

ในเบื้องต้น ก่อนที่น้องหมาและน้องแมวจะบริจาคเลือดสัตวแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพร่างกายอย่างละเอียด เช่น วัดอุณหภูมิ ฟังเสียงปอด ฟังเสียงหัวใจ ตรวจร่างกาย ดูสภาพผิวหนัง การติดเชื้อที่บาดแผล มีน้ำมูก หรือ ขี้ตาผิดปกติ หรือไม่ และต้องซักประวัติ อื่นๆ เช่น

1. ต้องมีสุขภาพดี กินได้ปกติ ขับถ่ายปกติ
2. มีอายุตั้งแต่ 1- 7 ปี
3. ต้องไม่อยู่ในช่วงของการเป็นสัด ไม่อยู่ในช่วงตั้งท้อง หรือกำลังนมลูก
4. ฉีดวัคซีนครบ ไม่อยู่ในช่วง 2-4 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีน ก่อนมาบริจาคเลือด
5. ต้องมีการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ และเห็บหมัดเป็นประจำ
6. ไม่ป่วยเป็นโรคติดต่อ หรือโรคเรื้อรัง ต่างๆ
7. ไม่เคยได้รับการถ่ายเลือดมาก่อน
8. ไม่ได้รับการผ่าตัดใหญ่มาในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา
9. สุนัขหรือแมวที่เคยบริจาคเลือดก่อนหน้านี้มาแล้ว ระยะห่างในการ บริจาคเลือดไม่ควรต่ำกว่า 3 เดือน
10. ต้องไม่รับประทานยาใดๆในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า

และขึ้นตาชั่งเพื่อชั่งน้ำหนัก

- สุนัขต้องมีน้ำหนักตัว 17-20kg ขึ้นไป
- แมวต้องมีน้ำหนักตัว 4kg ขึ้นไป

ตรวจร่างกายเบื้องต้นก่อนนะ

ด่านต่อไป...เก็บตัวอย่างเลือด

หลังจากที่ผ่านด่านการตรวจร่างกายเบื้องต้นมาแล้ว ขั้นต่อมาจะทำการตรวจเลือดอย่างละเอียด โดยเจาะเลือดประมาณ 3 ซีซี เพื่อตรวจ
1. ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจค่าตับ (SGPT/ALT)
2. ตรวจค่าไต (Creatinine)
3. ตรวจโรคพยาธิหนอนหัวใจ
4. ตรวจโรคพยาธิในเม็ดเลือด
และอื่นๆ เพื่อให้ได้ 'เลือดที่มีคุณภาพ' ที่จะไปช่วยชีวิตสุนัขและแมวอื่นๆ ได้อย่างดี

เจาะเก็บตัวอย่างเลือด

มาลุ้นกันได้หรือไม่ได้ (อุปกรณ์ตรวจพยาธิในเม็ดเลือด)

ผ่านด่านตรวจเลือด ก็ได้เวลาเริ่มเก็บเลือดล่ะ

หลังจากตรวจเลือดเสร็จเรียบร้อย หากผลเลือดปกติดี จะเข้าสู่ขั้นตอนการบริจาคเลือดล่ะ (แสดงว่าน้องหมาน้องแมวของเราแข็งแรงดีมาก) เตรียมตัวเป็น Hero
จะเริ่มด้วยการทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ เพื่อเจาะเก็บเลือดจากเส้นเลือดบริเวณลำคอ หรือบริเวณ ขาหน้า

- เริ่มทำการเก็บเลือด โดยในการบริจาคเลือดครั้งหนึ่งๆ คุณหมอจะเก็บเลือดปริมาณ 10 -20 ซีซี ต่อน้ำหนักตัวสัตว์ 1 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 350-450 ซีซี
- โดยใช้เวลานานประมาณ 10-15 นาที

วิธีที่1 เจาะจากขาหน้า ปลอดภัยและรวดเร็ว

วิธีที่2 เจาะเลือดจากเส้นเลือดใหญ่ที่คอ ก็ปลอดภัยและรวดเร็วเช่นกัน

อุปกรณ์แกว่งถุงเลือดป้องกันเลือดแข็งตัว

สุดท้าย...หลังจากให้เลือดเสร็จ

หลังจากบริจาคเลือดแล้ว คุณหมอจะทำการบันทึกประวัติการให้เลือด และจ่ายยาบำรุงเลือดให้ไปรับประทานอีก 7-14 วัน
น้องหมาน้องแมวที่มาบริจาคเลือดกลับบ้านได้ เมื่อคุณหมอพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย
และสามารถบริจาคได้อีกครั้ง หลังจากบริจาคครั้งล่าสุด 3 เดือน

ข้อดีของการบริจาคเลือดเป็นประจำก็คือ เราสามารถจะตรวจสุขภาพของน้องหมาเราได้อย่างละเอียด ครั้งไหนที่น้องบริจาคไม่ได้ เราก็จะรู้ล่วงหน้าเลยว่า ได้เวลาขุนแล้ว!!
และก็จะทำให้น้องสุขภาพแข็งแรง อยู่กับเราไปได้อีกนานๆ

*หมายเหตุ ระหว่างที่ทำการให้เลือด คุณหมออาจทำการวางยาซึม เพื่อป้องกันการดิ้นระหว่างที่กำลังเก็บเลือด หลังจากให้เลือดเรียบร้อยแล้วก็รอฟื้นจากยาซึมประมาณ 15-30 นาที นะครับ

เอาล่ะง่ายๆแค่นี้เอง มาเตรียมตัว น้องหมาน้องแมวของเราไปเป็น Hero กันเถอะ

ยินดีด้วยกับ Hero ตัวใหม่

ขอบพระคุณ ธนาคารเลือดจุฬา และ โรงพยาบาลสัตว์แก้วกาญจน์ ที่ให้ทีมงานเข้าไปเก็บบรรยากาศอย่างใกล้ชิด