ภาวะบวมน้ำ(Edema)
คือภาวะที่มีของเหลวปริมาณมากกว่าปกติคั่งค้างสะสมอยู่ในระหว่างเซลล์,เนื้อเยื่อ,ส่วนต่างๆของร่างกาย การเรียกชื่อที่เเบ่งย่อยออกไป จะเรียกตามส่วนที่เกิดการคั่งค้างของของเหลว
เช่นของเหลวสะสมคั่งค้างที่ช่องอกเรียกว่าไฮโดรธอเเรกซ์(hydrothorax)
ของเหลวสะสมคั่งค้างที่หัวใจเรียกว่าไฮโดรเพอริคาร์เดีม(hydropericardium)
ของเหลวสะสมคั่งค้างอยู่ในช่องท้องเรียกว่าท้องมาน(ascites,hydroperitoneum)
การรักษาภาวะบวมน้ำนั้นต้องรักษาที่ต้นเหตุของการเกิดภาวะ
ปัจจัยการเกิดบวมน้ำมี4ปัจจัยใหญ่ๆคือ
1.ในหลอดเลือดปกติจะมีเเรงชนิดหนึ่งซึ่งเป็นเเรงในการดึงของ เหลวเอาไว้ไม่ให้ของเหลวนั้นออกจากหลอกดเลือดไว้ได้เรียกว่าเเรงดันออสโมซิส
หากว่ามีความผิดปกติคือร่างกายมีเเรงดันมากกว่าเเรงดันออสโมซิสที่จะดึงของ เหลวไว้ให้อยู่ในหลอดเลือดไว้ได้ ของเหลวในหลอดเลือดจะหลุดออกมาคั่งค้างในร่างกายทำให้เกิดภาวะบวมน้ำได้
หรือในกรณีที่มีการอุดตันของเส้นเลือด หรือเกิดการอุดตันของเส้นเลือด
ยกตัวอย่างให้ง่ายน่ะครับ
เราเอาถุงพลาสติกที่เจาะรูที่ถี่มาก ให้ถุงนั้นเหมือนเส้นเลือด เเล้วเอาเทปใส่ปิดรูพวกนั้นไว้เปรียบเหมือนเเรงดันออสโมซิส หากเราใส่น้ำเข้าไปในถุงนั้น
หากว่าเเรงน้ำที่ใส่ไปมีความเเรงมากจนทำให้เทปใส่นั้นรับเเรงดันน้ำไม่ไหวก็จะทำให้น้ำออกมา
หรือหากเราเอาอะไรมากั้นทางเดินของน้ำเปรียบเหมือนเส้นเลือดอุดตัน เมื่อมีน้ำไหลผ่านมากๆก็จะทำให้เกิดการไหลออกของน้ำได้
2.โปรตีนที่อยู่ในหลอดเลือดนั้นจะมีผลต่อเเรงดันออสโมซิส
โดยเฉพาะโปรตีนพวกอัลบูมิน(Albumin)ซึ่งพบในไข่(Ovalbumin) ในนม(Lactalbumin) เป็นส่วนใหญ่
หากเกิดการสูญเสียโปรตีนหรือโปรตีนต่ำ จะมีผลต่อเเรงดันออสโมซิสต่ำลงด้วย ทำให้ของเหลวนั้นออกจากหลอดเลือดได้ง่าย
ตัวอย่างที่ทำให้เกิดการสูญเสียโปรตีนนอกร่างกายเช่นโรคไต(Renal edema) ภาวะการขาดสารอาหาร(Debilitation edema)
เราอาจเปรียบโปรตีนโดยเฉพาะพวกอัลบูมินเหมือน จำนวนเทปใส่ปิดถุงพลาสติกได้ครับ
3.การเกิดการเปลี่ยนเปลงคุณสมบัติหลอดเลือดเช่น การเกิดอุบัติเหตุได้รับการกระทบกระเทือนถึงหลอดเลือด หลอดเลือดเกิดการอักเสบจนไปปิดทางเดินเลือด เป็นต้น
4.การขัดขวางการไหลผ่านของขอน้ำเหลือง(Lymphatic obstruction)
ในกรณีความผิดปกติต่างๆของท่อน้ำเหลืองเช่นการเกิดเนื้องอกที่มาถึงท่อน้ำ เหลือง,การบวม-การอักเสบจนไปปิดท่อน้ำเหลือง ทำให้น้ำเหลืองนั้นหลุดออกจากเส้นเลือดได้)
อ้างอิง : http://thedogwor.blogspot.com/2012_11_01_archive.html