‎ความรู้ที่สำคัญก่อนพาเจ้าสี่ขาออกงาน‬ Event
1 Vote 6154 Views
‎ความรู้ที่สำคัญก่อนพาเจ้าสี่ขาออกงาน‬ Event

‪#‎ความรู้ที่สำคัญก่อนพาเจ้าสี่ขาออกงาน‬ Event
สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องเตรียมตัวพาเจ้าสี่ขาไปเดินในงาน thailand international dog show 2016 เจ้าสี่ขาของเราต้องมีสุภาพที่แข็งแรง ไม่ป่วย ทำโปรแกรมวัคซีนประจำปีครบ เพราะโรคที่เกิดจากการไปรวมตัวของสัตว์เลี้ยงหลายๆตัว หรือหลายๆ สายพันธุ์ อาจจะทำให้โรคต่างๆตามมาได้เช่น
1.โรคไข้หัด
โรคนี้เกิด จากเชื้อไวรัส มักเกิดกับลูกสุนัขอายุน้อย ๆ ตั้งแต่ 2-3 เดือน บางครั้งก็พบว่าเกิดใน สุนัขที่โตแล้วเมื่อสุนัขเป็นโรคนี้โอกาสที่จะหาย นั้น มีน้อยมาก โดยอาการของมันก็แสดงออกมาทางอาการประสาท ตัวกระตุก หรือชักตลอดชีวิตส่วนใหญ่แล้วตาย อย่างทรมาน อาการของโรค เราสามารถสังเกตได้จากการที่สุนัขมีน้ำมูกสีเขียวไหลย้อย ดูเหมือน ปอดบวม มีไข้ เบื่ออาหาร ซึมมีตุ่มหนองขึ้นที่ใต้ท้อง มีขี้ตาสีเขียวๆเกอะกรังตลอดเวลาเมื่ออาการทวีความรุนแรงขึ้นจะพบว่ามีอาการทางประสาท คือปากสั่น กระตุก และลามไปที่บริเวณหนังหัว ใบหน้า ขาหลัง อาจจะพบบริเวณฝ่าเท้า กระด้างขึ้น บางรายพบว่ามีท้องร่วงร่วม เราสามารถป้องกันได้โดยฉีดวัคซีน ป้องกันโรคไข้หัดได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุ 2 เดือน เป็นเข็ม แรกหลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ก็พาไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง เป็นการ กระตุ้นภูมิคุ้มกันและฉีดซ้ำทุก ๆ ปี ปีละ 1 ครั้ง
2.โรคปอดบวม
โรคนี้จะพบมากในสุนัขเล็ก ๆ และสุนัขที่มีอายุมากแล้วเนื่องจากว่า สุนัขในวัยดังกล่าวมีภูมิคุ้มกันที่น้อยอยู่โรคนี้เกิดจากหลายสาเหตุได้แก่เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย พยาธิทำลาย ปอด ทำให้ปอดอักเสบ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สุนัขจะมีอาการซึม มีไข้สูงมาก อาจถึง 106 องศาฟาเรนไฮต์เบื่ออาหาร จนถึงไม่กินอาหาร ชอบหลบไปนอนในที่เย็น ๆ เช่น ห้องน้ำ ข้างโอ่งหายใจกระหืดกระหอบ มีขี้มูกไหลออกมามีสีขาวจนถึงสีเขียวข้น บางครั้งมี อาเจียน ไอ มีเสลดหนาในลำคอบางตัวเป็นมาก ๆน้ำท่วมปอดต้องนั่งตลอดเวลานอนไม่ได้ หายใจไม่ออกบางครั้งต้องหายใจทางปากเนื่องจากจมูกอุดตันไปด้วยน้ำมูก ข้อควรปฏิบัติคือ รักษาความสะอาด ให้ความอบอุ่น โดยเฉพาะที่คอ หน้าอก และหลัง ปูรองพื้นที่นอนด้วยผ้า อย่าให้นอนในที่เย็นหรืออับชื้นหรือโดนฝนสาด และนำสุนัข ไปพบสัตว์แพทย์เพื่อรักษา
3.โรคพาร์โวไวรัส หรือลำไส้อักเสบ
โรคพาโวไวรัสหรือลำไส้อักเสบเป็นโรคที่มีการระบาดทั่วโลก สามารถเกิดการ ระบาดได้ง่ายรวดเร็วและรุนแรง สุนัขจะตายเนื่องจากเกิด ท้องร่วงอย่างรุนแรง อาเจียนไม่กินอาหาร มีไข้ สูง ร่างกายสูญเสียน้ำมาก ทำให้ตายอย่างรวดเร็วโรคนี้พบมาในสุนัขอายุ 2-6 เดือน หลังจากได้รับเชื้อโรคไปแล้วประมาณ5-7 วัน สุนัขจะไม่กินอาหาร มีไข้สูง ๆ ต่ำๆ แสดงอาการอาเจียนบ่อย ต่อมาไข้ขึ้นสูง นอนซึม หมดแรงเพราะอาเจียนอย่างมาก เริ่มมีอาการท้องร่วง ถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลวสีโอวัลตินหรือสีแดง มีเลือดปนออกมามีกลิ่นเหม็นคาวมาก ไวรัสจะ เข้าไปยังกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ช็อคตายได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติโรคนี้ไม่มียารักษาโดยตรง เพียงแต่รักษาตามอาการที่พบเท่านั้น ทางที่ดีควรหา ทางป้องกันจะดีกว่า โดยการฉีดวัคซีนตั้งแต่ลูกสุนัขอายุได้ 2 เดือน และกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยฉีดวัคซีนอีกครั้งเมื่ออายุได้ 3 เดือน หลังจากนั้นก็ฉีดกระตุ้นทุกปี ปีละ1 ครั้ง
4.โรคพิษสุนัขบ้า
-เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ เรบี้ส์ (Rabies) ไวรัสชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ในระบบประสาทมากที่สุด มันจะทำให้สุนัขมีอาการทางประสาท ทำให้เราเรียกว่าบ้า นอกจากสุนัขแล้ว เชื้อไวรัสนี้ยังสามารถติดต่อคน และสัตว์อื่นได้ ถ้าโดนสุนัขที่มีเชื้อกัด อาการสุนัขนี้แบ่ง ออกได้เป็น 2 แบบ คือ/ แบบดุร้าย และ แบบซึม
-อาการซึมของสุนัขจะไม่แสดงอาการดุร้ายออกมานอกจากเราพยายาม จะจับหรือเข้า ใกล้ มันอาจจะขู่หรือกัดได้ สุนัขจะหลบซ่อนตามซอกมุมหรือ ไม่ออกมากินน้ำ อาหาร ลิ้นจะห้อยออกมา น้ำลายไหลตลอดเวลา
-ส่วนอาการแบบดุร้าย สามารถแบ่งออกได้ 3 ระยะ ระยะเริ่มแรกอารมณ์และอุปนิสัยของสุนัขเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีอารมณ์ หงุดหงิดอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย รูม่านตาจะขยายมากกว่าปกติ อาการเริ่มแรก จะแสดงอาการประมาณ 2-3 วัน จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 2หรือระยะตื่นเต้นเป็นระยะที่แสดงอาการกระวน กระวาย ระบบประสาทตอบสนองอย่างฉับไวและรุนแรงต่อเสียงหรือสิ่งกระตุ้น ต่อมามันจะเริ่มกระวนกระวาย กัดสิ่งที่อยู่รอบตัว บางครั้งรุนแรงจนเลือดออก แล้วเริ่มวิ่งอย่างไร้จุดหมาย แสดงอาการบ้าอย่างชัดเจน เสียงเห่าหอนผิดปกติ เนื่องจากการเกิดเกิดอัมพาตของ กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคี้ยวและการกลืน ต่อมาอาการอัมพาตจะขยายและเป็นทั้งตัว และตายไปในที่สุด โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้เราต้องป้องกันล่วงหน้า โดยการฉีดวัคซีนเมื่อสุนัขอายุ 3เดือนขึ้นไป และฉีดซ้ำทุก ๆ ปี ถ้าเป็นสุนัขที่มีอายุต่ำกว่า 3 เดือน หากนำไปฉีดแล้ว ต้องฉีดซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 3 เดือน จากนั้นก็ฉีดซ้ำทุก ๆ ปี
5.โรคเห็บหมัดสุนัข
อากาศในบ้านเราเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเห็บและหมัด เห็บที่อยู่ตามตัว สุนัขสามารถ ไข่ได้ครั้งละหลายพันฟองตามพื้นดิน หรือตามซอกต่าง ๆ เห็บมีอยู่ 2 ประเภท
1.พวกตัวแบนสีน้ำตาล
2.ตัวโตบวมคล้ายลูกเกตุ
ทั้งคู่เป็นชนิดเดียวกัน เพียงแต่พวกแรกเป็นตัวผู้ พวกที่สอง เป็นตัวเมียในตัวเมียจะมีไข่หมัดอยู่เต็ม ต้องห้ามบีบเนื่องจากจะเป็นการทำให้ไข่หมัด แพร่กระจายให้นำหมัดและเห็บแช่ในน้ำมัน จะทำให้มันตาย สุนัขบางตัวจะมีการแพ้น้ำลายเห็บ,หมัดทำให้มีการแพ้ที่ผิวหนังและเห็บ, หมัดยังเป็นพาหะ นำโรคพยาธิในเม็ดเลือดมาแพร่ได้เราจะสามารถพบหมัดได้มากบริเวณ ลำคอ,หู,ง่ามนิ้วเท้า.ไหล่ หน้าอก การป้องกันเห็บ,หมัดทำได้โดยอาศัยยาฆ่าเห็บที่มีขายทั่วไป โดยให้ใส่ที่ตัวสุนัข และบริเวณ ที่สงสัยว่าจะเป็นที่วางไข่และยังมีอุปกรณ์ป้องกันเช่น ปลอกคอกันหมัดและแชมพูอาบน้ำสุนัขก็ ยังสามารถฆ่าเห็บและหมัดได้ด้วย
สุขภาพของเจ้าสี่ขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องดูแล หากอยากทราบว่าสุขภาพลูกรักของเราแข็งแรงหรือไม่ ควรพาไปเช็คสุขภาพร่างกายกับสัตวแพทย์ก่อนออกงานกันนะคะ
ด้วยความรักความห่วงใย ศูนย์โรคหัวใจสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์นนทรี บางเขน
โทร 02-955-7845/ 02-955-7846