เห็บเป็นปรสิตภายนอกที่มี 8 ขา มีลักษณะตัวแบนเมื่อมองจากด้านบน ขนาดเมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวประมาณ 3 มม. แต่อาจขยายขนาดได้ถึง 12 มม.หลังจากที่ได้ดูดเลือดเข้าไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้หลายคนสับสนว่าไม่ใช่ปรสิตชนิดเดียวกันกับตัวเล็ก ทั้งที่จริงแล้วมันคือปรสิตชนิดเดียวกัน การยึดเกาะของเห็บจะใช้ส่วนปากแทงเข้าไปในผิวหนังของสุนัข และดูดกินเลือดเป็นอาหาร เห็บมีวงจรชีวิตทั้งหมดแบ่งได้เป็น 4 ระยะคือ ไข่ ตัวอ่อน ตัวกลางวัย และตัวเต็มวัย

ระยะที่ 1 เห็บจะผสมพันธ์กันบนตัวสุนัข และดูดเลือดอย่างเต็มที่ก่อนที่เห็บตัวเมียจะทิ้งตัวลงจากตัวสุนัขเพื่อไปวางไข่ ซี่งเห็บสามารถวางไข่ได้ถึง 2,500-4,000 ฟอง ระยะเวลาในการฟักตัวจะอยู่ที่ 17-30 วัน หลักจากฟักแล้วจะกลายเป็นตัวอ่อน

ระยะที่ 2 ตัวอ่อนของเห็บจะมี 6 ขา เมื่อเป็นตัวอ่อนจะขึ้นไปเกาะดูดเลือดบนตัวสุนัข 2-7 วัน หลังจากนั้นจะหล่นจากตัวสุนัขเพื่อลอกคราบเป็นตัวกลางวัยต่อไป ระยะเวลาการลอกคราบประมาณ 5 – 23 วัน

ระยะที่ 3 ตัวกลางวัยของเห็บจะมี 8 ขา เมื่อเป็นตัวกลางวัยแล้วจะขึ้นไปเกาะดูดเลือดบนตัวสุนัข 4-9 วัน หลังจากนั้นจะหล่นจากตัวสุนัขเพื่อลอกคราบเป็นตัวเต็มวัยต่อไป ระยะเวลาการลอกคราบประมาณ 11-73 วัน

ระยะที่ 4 ตัวเต็มวันของเห็บจะมี 8 ขาเช่นเดียวกับตัวกลางวัย เห็บตัวเต็มวัยจะขึ้นไปอยู่บนตัวสุนัขเพื่อดูดเลือดและผสมพันธุ์ต่อไป

การที่สุนัขแสนรักของเรามีเห็บเป็นจำนวนมาก สุนัขจะมีการสูญเสียเลือดเนื่องจากเห็บจะคอยดูดกินเลือดทำให้สุนัขเกิดภาวะโลหิตจางตามมา ในส่วนของการกัดและน้ำลายของเห็บอาจทำให้เกิดภาวะผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อตามมา และนอกจากนี้เห็บยังเป็นพาหะที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อพยาธิในเม็ดเลือดอีกด้วย

จากวงจรชีวิตของเห็บจะเห็นได้ว่าจะมีเห็บอยู่ทั้งบนตัวสุนัข และในสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเราควรที่จะกำจัดเห็บทั้ง 2 ทางคู่กันไป

1. แชมพูกำจัดเห็บหมัด ซึ่งมีทั้งชนิดที่เป็นสารเคมี และสารสกัดจากพืช
2. แป้งกำจัดเห็บหมัด
3. ปลอกคอกำจัดเห็บหมัด
4. ยาหยอดหลังกำจัดเห็บหมัด
5. สเปรย์กำจัดเห็บ
6. สารเคมีที่ใช้ละลายผสมกับน้ำเพื่อใช้สำหรับอาบกำจัดเห็บ
7. ยาฉีดเพื่อกำจัดปรสิตภายนอก

การควบคุมภายนอกตัวสุนัข หรือสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย ทำได้โดยการเก็บกวาดดูดฝุ่นตามซอกมุมต่างๆ พ่นสารเคมีกำจัดเห็บตามบริเวณซอกกรง ซอกมุม บริเวณที่สุนัขนอน และสนามหญ้า