ภาวะคลอดยาก : ชิสุ
0 Vote 14714 Views
กรณีศึกษา : น้องปีโป้ ชิสุ อายุ 2 ปี

ปีโป้ พันธุ์ชิสุ เพศเมีย อายุ 2 ปี

ประวัติความเป็นมา

น้องปีโป้ ได้ตั้งท้องครบกำหนดคลอดแล้ว ช่วงเช้าวันนั้น ปีโป้ได้แสดงอาการกระวนกระวายผุดลุกผุดนั่ง เมื่อเจ้าของเห็นเช่นนั้น จึงพาน้องปีโป้ไปตรวจการตั้งท้อง และพบลูกสุนัขจำนวน 5 ตัว ต่อมาในช่วงกลางคืนนั้น ปีโป้ได้คลอดลูกสุนัขออกมาเพียง 1 ตัว ... ผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบลูกสุนัขตัวอื่นออกมา จึงพากลับมาหาคุณหมออีกครั้ง

การวินิจฉัย

เนื่องจากระยะเวลาการคลอดลูกสุนัขตัวแรกห่างจากจากตัวที่สองเกินมา 1-2 ชั่วโมง สัตวแพทย์จึงพิจารณาอัลตราซาวน์เพื่อตรวจสอบว่า ลูกสุนัขยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ผลอัลตราซาวน์พบว่า หัวใจของลูกสุนัขเต้นประมาณ 180 ครั้งต่อนาที (ลูกสุนัขที่แข็งแรง อัตราการเต้นของหัวใจควรมากกว่า 200 ครั้งต่อนาที) แสดงว่า ลูกสุนัขตัวนี้อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

จึงพิจารณาดูผลเอ็กซ์เรย์เดิม พบลูกจำนวน 5 ตัว แต่มี 1 ตัวที่ขนาดเล็กกว่าลูกตัวอื่นประมาณ 2 เท่า ขนาดหัวของลูกสุนัขอีก 4 ตัว มีขนาดเกือบเท่ากับช่องเชิงกรานของแม่สุนัข จึงแจ้งเจ้าของว่า แม่สุนัขมีโอกาสคลอดลูกตัวอื่นไม่ได้ หากให้ยากระตุ้นการคลอดอาจเสี่ยงอันตรายที่ลูกจะคลอดออกมาไม่ได้ และเสียชีวิตลง กรณีรุนแรงที่สุดคือ มดลูกอักเสบ หรือแตกจากการเบ่งคลอด

'หัวใจของลูกสุนัขเต้นประมาณ 180 ครั้งต่อนาที ลูกสุนัขตัวนี้อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเสียชีวิต'

ภาพ X-ray ด้านข้าง พบลูกสุนัข 5 ตัว

ภาพ X-ray ด้านบน

การรักษา

สัตวแพทย์จึงพิจารณาผ่าคลอดฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตลูก ๆ ที่เหลือ เจ้าของแจ้งให้สัตวแพทย์ทำหมันแม่สุนัขด้วย การผ่าตัดดำเนินไปด้วยดี ปลอดภัยทั้งแม่และลูกสุนัข แต่จากการผ่าคลอดพบลูกสุนัขเพียง 3 ตัว รวมกับสุนัขที่เพิ่งคลอดไปก่อนหน้า 1 ตัว จึงสอบถามเจ้าของเพิ่มเติม เจ้าของแจ้งว่าไม่เห็นซากรกหรือลูกสุนัขตัวเล็กเลย ดังนั้น ทีมสัตวแพทย์จึงเอ็กสเรย์อีกครั้ง ผลคือไม่พบลูกสุนัขตกค้างอยู่ เป็นไปได้ว่า ลูกสุนัขตัวที่เล็กที่สุด อาจหลุดไปก่อนหน้าแล้ว

การวางแผนเพิ่มเติม

เนื่องจากหลังคลอดคุณแม่ได้รับยาสลบ ยาลดปวด รวมถึงยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาแผลผ่าตัด จึงแจ้งงดให้นมลูกสุนัข แจ้งเจ้าของให้ซื้อนมสำหรับลูกสุนัข และกกไฟให้ทั้งแม่และลูกสุนัข เพื่อให้ความอบอุ่น

นัดหมายเพิ่มเติม 3 วันหลังผ่าตัดตรวจแผลผ่าตัด และ นัด 7 วันเพื่อตัดไหม หากแผลแห้งดี

คำแนะนำจากสัตวแพทย์กรณีภาวะคลอดยาก

Tips เล็ก ๆ เคล็ดไม่ลับ “มารับมือกับภาวะคลอดยาก รู้ไว้ช่วยได้ทั้งแม่และลูก"

1. สุนัขจะตั้งท้องใช้เวลาประมาณ 63 +/- 2วัน นับจากวันตกไข่โดยประมาณ แต่หากจะนับจากวันผสมระยะประมาณ 58-70 วัน สามารถพาสุนัขมาตรวจการตั้งครรภ์อย่างง่าย ไม่เจ็บปวด โดยการอัลตร้าซาวน์ อย่างเร็วที่สุดที่อายุครรภ์ 20 วันจะเห็นถุงน้ำและตัวอ่อนเล็ก ๆ ในมดลูก หรือถ้าจะยืนยันว่ามีลูก ควรอัลตร้าซาวน์ที่อายุครรภ์ 28 วัน จะเริ่มเห็นหัวใจดวงน้อยของลูกเต้นในมดลูกแม่สุนัข

"สุนัขจะตั้งท้องใช้เวลาประมาณ 63 +/- 2วัน"

2. ประเมินภาวะคลอดยาก เจ้าของสามารถพาสุนัขมาเอ็กซเรย์ช่องท้องตั้งแต่ที่อายุ 45 วันจะเริ่มเห็นโครงกระดูกลูกสุนัข แต่หากจะประเมินภาวะคลอดยาก ควรรอจนอายุครรภ์ประมาณ 55 วันเป็นต้นไป เพื่อให้ขนาดลูกสุนัขโตอย่างเต็มที่ โดยสัตวแพทย์จะประเมินด้วยการวัดขนาดศีรษะของลูกเทียบกับเชิงกรานของแม่สุนัข หากพบว่ามีแนวโน้มคลอดยากหรือขนาดไม่สมส่วน สัตวแพทย์จะแนะนำให้นัดวันครบกำหนดคลอดเพื่อผ่าตัดช่วยลูกสุนัข

"ประเมินภาวะคลอดยาก ควรรอจนอายุครรภ์ประมาณ 55 วันเป็นต้นไป"

3. เครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยในการวินิจฉัยได้ คือ เครื่องอัลตร้าซาวน์ช่วยวินิจฉัยว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตหรือไม่ โดยการดูการเต้นของหัวใจ ดูความแข็งแรงของลูกสุนัข สภาพมดลูกของแม่สุนัข รวมถึงพยากรณ์วันคลอด วันตั้งท้องของแม่ แต่จะบอกจำนวนลูกสุนัขได้คล่าว ๆ ส่วนเครื่องเอ็กซเรย์ จะช่วยบอกจำนวนลูกสุนัขได้แม่นยำกว่าอัลตร้าซาวน์ แต่จะไม่สามารถบอกได้ว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ยกเว้นแต่ลูกที่ตายมานาน แล้วมีแก๊สสะสมในมดลูก การวินิจฉัยอย่างอื่น ๆ คือการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่ ตั้งครรภ์ และวันคลอดใช้ประกอบกันได้

" เครื่องอัลตร้าซาวน์ช่วยวินิจฉัยว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตหรือไม่ ส่วนเครื่องเอ็กซเรย์ จะช่วยบอกจำนวนลูกสุนัขได้แม่นยำ"

4. เมื่อแม่สุนัขใกล้คลอด จะมีการแสดงอาการ 3 ระยะ โดยสังเกตได้ง่าย ๆ ดังนี้


ระยะหาที่คลอด

สุนัขจะทานอาหารลดลง เริ่มเก็บตัว หรืออยู่ที่มืด เจ้าของสามารถช่วยเตรียมรังคลอดในที่สงบให้แม่สุนัขได้ และพยายามไม่ทำให้แม่สุนัขเครียด หรือรบกวนสุนัข สุนัขจะแสดงอาการนี้ประมาณ 12-48 ชั่วโมงก่อนคลอด


ระยะเบ่งคลอด

ให้เจ้าของสังเกตน้ำที่ไหลออกจากอวัยวะเพศ หากเริ่มมีน้ำคร่ำแตกออกมา แม่สุนัขจะเบ่งคลอดลูกตัวแรกออกมาภายใน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หากเกินระยะเวลา 2-4 ชั่วโมง มีแนวโน้มว่าแม่สุนัขกำลังประสบปัญหาการคลอด ระยะห่างการคลอดของลูกสุนัขตัวถัดไปปกติจะไม่เกินตัวละ 20-40 นาที หากเกิน 1 ชั่วโมง แม่สุนัขอาจมีปัญหาคลอดยาก ซึ่งแนะนำว่าให้รีบพาแม่สุนัขไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุการคลอดยาก เพื่อดำเนินการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป


ระยะขับรก

เป็นระยะที่มีการขับรกและน้ำคล่ำที่ค้างในมดลูกหลังการคลอด โดยปกติแม่สุนัขอาจเลียหรือรับประทานเข้าไป พร้อมกับการเลียตัวทำความสะอาดลูกสุนัข

"ใกล้คลอด 3 ระยะ 1.ระยะหาที่คลอด , 2.ระยะเบ่งคลอด , 3.ระยะขับรก"

โดยสรุปแล้ว ภาวะคลอดยากมักพบในแม่สุนัขที่ตัวเล็ก ผสมกับพ่อสุนัขขนาดใหญ่ แต่สามเคสที่ยกตัวอย่างข้างต้นมาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิสุ ชิวาว่า มอลทีส เป็นต้น ส่วนระยะการคลอดที่เป็นระยะวิกฤติคือ ระยะเบ่งคลอด เป็นระยะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่เพื่อการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ แนะนำให้พาแม่สุนัขไปตรวจสุขภาพก่อนการคลอดตามที่กล่าวมาข้างต้นได้ที่ โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท ทุกสาขา โดยทีมสัตวแพทย์ผู้เชียวชาญ และเครื่องมือที่พร้อมเพียง

สพญ.สุพัตรา จันทร์โฉม
โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท ประเทศไทย