“ปังปอนด์น้อยอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง”
ข้อมูลสัตว์ป่วย
สุนัขชื่อปังปอนด์ พันธุ์ชิวาวา อายุ 2 เดือน เพศผู้ มาด้วยอาการอ่อนแรง และถ่ายเหลว จากการซักประวัติพบว่า ก่อนหน้านี้ยังทานอาหารได้ปกติ มีวันนี้ที่ทานลดลงและแสดงอาการอ่อนแรง และสุนัขเองยังไม่ได้เริ่มทำวัคซีนแต่อย่างใด
การตรวจร่างกายและการวินิจฉัย
จากการตรวจร่างกายพบว่าน้องปังปอนด์อยู่ในภาวะอ่อนแรงมาก นอนเหยียดเกร็ง มีภาวะขาดน้ำและจากการตรวจระดับน้ำตาลพบว่า มีค่า 19 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (mg/dl) ซึ่งต่ำกว่าปกติมาก (ภาวะปกติจะอยู่ที่ 63-130 mg/dl) ซึ่งในภาวะน้ำตาลต่ำนี่เองที่ทำให้น้องแสดงอาการดังที่กล่าวมา และจากนั้นทางคุณหมอได้ทำการเก็บตัวอย่างอุจจาระโดยการส่องกล้องเพิ่มเติมพบว่า มีการติดเชื้อกลุ่มโปรโตซัว และกลุ่มแบคทีเรียจำนวนมาก ทั้งนี้ได้มีการตรวจหาเชื้อโรคไวรัสลำไส้อักเสบที่ ได้ผลลบแปลว่าตรวจไม่พบเชื้อไวรัส ในส่วนค่าเลือดอื่น ๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
การรักษา
หลังจากการตรวจร่างกายและทราบผลระดับน้ำตาลในเลือด คุณหมอจึงรีบให้การรักษาโดยการให้น้ำเกลือเข้าเส้นและให้น้ำตาลกลูโคสเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งหลังจากให้ไปประมาณ 3 นาทีน้องปังปอนด์เริ่มกลับมามีสติและเริ่มทรงตัวได้ทันที รวมทั้งได้ให้ยากลุ่มฆ่าเชื้อเพื่อควบคุมการติดเชื้อภายในร่างกาย ซึ่งการติดเชื้อนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องเสียแร่ธาตุมากจนกระทั่งมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำตามมา
หลังจากการทำการรักษาทางยาและปรับเรื่องอาหารของน้องปังปอนด์ ก็พบว่ามีการตอบสนองต่อการักษาเป็นอย่างดี น้องเริ่มกินอาหารได้มากขึ้น ขับถ่ายเป็นก้อนปกติ และร่าเริงได้เหมือนเดิม จึงพิจารณากลับให้กลับบ้านโดยให้เฝ้าระวังเรื่องอาการท้องเสีย และป้อนยา อาหารให้ครบถ้วนตามกำหนด
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
สำหรับในสุนัขเด็กนั้น ควรมีการจัดการอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ เพราะสุนัขเด็กอยู่ในช่วงที่ต้องการพลังงานเพื่อไปเสริมสร้างการเจริญเติบโต ซึ่งเราสามารถให้อาหารได้ถึงวันละ 3-4 มื้อ ได้เลยค่ะ เพราะหากน้องกินไม่เพียงพออาจจะพบภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำและเกิดภาวะชักตามมา และในอีกส่วนคือภาวะป่วยต่าง ๆ ในสัตว์อายุน้อยมักพบภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่ายเพราะว่า การสะสมพลังงานในร่างกายของลูกสัตว์ยังน้อย หากมีอาการป่วยแทรกขึ้นมาร่างกายก็จะดึงพลังงานไปใช้มากกว่าปกติ จนทำให้น้องมีอาการดังที่กล่าวมาได้ ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่จำเป็นต้องไปพบสัตวแพทย์โดยด่วนค่ะ
เรื่องและภาพโดย
สพ.ญ. ปิยะนุช ปั้นเหน่ง
สัตวแพทย์ผู้ทำการรักษา