ภาวะคลอดยาก : ปอมเมอร์ริเนียน
ประวัติความเป็นมา
น้องปังปอนด์ สุนัขพันธุ์ปอมเมอร์ริเนียน เพศเมีย อายุ 3 ปี ได้รับการผสมมาแล้วประมาณ 2 เดือน ยังไม่เคยตรวจการตั้งครรภ์มาก่อน ในตอนเช้าก่อนหน้ามาหาหมอ แสดงอาการคุ้ยเขี่ย คล้ายหาที่คลอดลูก แต่ยังไม่แสดงอาการเบ่งคลอดออกมา เป็นมาทั้งวัน จนถึงตอนกลางคืน เจ้าของจึงพาน้องปังปอนด์มาตรวจการตั้งท้องที่โรงพยาบาล
การวินิจฉัย
เมื่อน้องปังปอนด์มาถึง คุณหมอได้คลำบริเวณช่องท้อง พบลักษณะก้อนแข็งอยู่กลางท้อง แต่ไม่มีอาการเจ็บปวด จึงได้ทำการเอ็กซ์เรย์เพิ่มเติม พบว่าภายในช่องท้อง มีลูกสุนัข 1 ตัว แต่ขนาดศีรษะของลูกสุนัขใหญ่กว่าช่องเชิงกรานของแม่อย่างชัดเจน
สัตวแพทย์ได้ทำการอัลตราซาวน์เพื่อตรวจการเต้นของหัวใจของลูกสุนัขเพิ่มเติม พบว่า อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ที่ประมาณ 200 ครั้ง/นาที แต่แทบไม่พบน้ำคร่ำในถุงหุ้มตัวอ่อน จึงได้แจ้งแก่เจ้าของว่า แม่สุนัขได้ตั้งท้องครบระยะแล้ว แต่ไม่สามารถคลอดลูกได้เองตามธรรมชาติ เพราะศีรษะของลูกโทนตัวนี้ เป็นอุปสรรค์ในการคลอด
การรักษา
สัตวแพทย์แนะนำการผ่าคลอดเพื่อช่วยชีวิตลูกโทนให้ทันท่วงที และได้ทำการผ่าตัดจนสำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี แข็งแรงดีทั้งแม่และลูกสุนัข
การวางแผนภายหลังการรักษา
เนื่องจากหลังคลอด น้องปังปอนด์ ได้รับยาสลบ ยาลดปวด รวมถึงยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาแผลผ่าตัด จึงแจ้งงดให้นมลูกสุนัขเป็นระยะเวลาหนึ่ง และให้เจ้าของซื้อนมสำหรับลูกสุนัขใช้แทน และได้ทำการกกไฟให้ความอบอุ่น ให้ทั้งแม่และลูกสุนัขด้วย โดยหมอได้ทำการนัดหมายอีก 3 วันให้กลับมาตรวจแผลผ่าตัด และ อีก 7 วันให้กลับมาตัดไหม หากแผลแห้งดี
Tips เล็ก ๆ เคล็ดไม่ลับ “มารับมือกับภาวะคลอดยาก รู้ไว้ช่วยได้ทั้งแม่และลูก"
1. สุนัขจะตั้งท้องใช้เวลาประมาณ 63 +/- 2วัน นับจากวันตกไข่โดยประมาณ แต่หากจะนับจากวันผสมระยะประมาณ 58-70 วัน สามารถพาสุนัขมาตรวจการตั้งครรภ์อย่างง่าย ไม่เจ็บปวด โดยการอัลตร้าซาวน์ อย่างเร็วที่สุดที่อายุครรภ์ 20 วันจะเห็นถุงน้ำและตัวอ่อนเล็ก ๆ ในมดลูก หรือถ้าจะยืนยันว่ามีลูก ควรอัลตร้าซาวน์ที่อายุครรภ์ 28 วัน จะเริ่มเห็นหัวใจดวงน้อยของลูกเต้นในมดลูกแม่สุนัข
"สุนัขจะตั้งท้องใช้เวลาประมาณ 63 +/- 2วัน"
2. ประเมินภาวะคลอดยาก เจ้าของสามารถพาสุนัขมาเอ็กซเรย์ช่องท้องตั้งแต่ที่อายุ 45 วันจะเริ่มเห็นโครงกระดูกลูกสุนัข แต่หากจะประเมินภาวะคลอดยาก ควรรอจนอายุครรภ์ประมาณ 55 วันเป็นต้นไป เพื่อให้ขนาดลูกสุนัขโตอย่างเต็มที่ โดยสัตวแพทย์จะประเมินด้วยการวัดขนาดศีรษะของลูกเทียบกับเชิงกรานของแม่สุนัข หากพบว่ามีแนวโน้มคลอดยากหรือขนาดไม่สมส่วน สัตวแพทย์จะแนะนำให้นัดวันครบกำหนดคลอดเพื่อผ่าตัดช่วยลูกสุนัข
"ประเมินภาวะคลอดยาก ควรรอจนอายุครรภ์ประมาณ 55 วันเป็นต้นไป"
3. เครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยในการวินิจฉัยได้ คือ เครื่องอัลตร้าซาวน์ช่วยวินิจฉัยว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตหรือไม่ โดยการดูการเต้นของหัวใจ ดูความแข็งแรงของลูกสุนัข สภาพมดลูกของแม่สุนัข รวมถึงพยากรณ์วันคลอด วันตั้งท้องของแม่ แต่จะบอกจำนวนลูกสุนัขได้คล่าว ๆ ส่วนเครื่องเอ็กซเรย์ จะช่วยบอกจำนวนลูกสุนัขได้แม่นยำกว่าอัลตร้าซาวน์ แต่จะไม่สามารถบอกได้ว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ยกเว้นแต่ลูกที่ตายมานาน แล้วมีแก๊สสะสมในมดลูก การวินิจฉัยอย่างอื่น ๆ คือการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่ ตั้งครรภ์ และวันคลอดใช้ประกอบกันได้
" เครื่องอัลตร้าซาวน์ช่วยวินิจฉัยว่าลูกสุนัขยังมีชีวิตหรือไม่ ส่วนเครื่องเอ็กซเรย์ จะช่วยบอกจำนวนลูกสุนัขได้แม่นยำ"
4. เมื่อแม่สุนัขใกล้คลอด จะมีการแสดงอาการ 3 ระยะ โดยสังเกตได้ง่าย ๆ ดังนี้
ระยะหาที่คลอด
สุนัขจะทานอาหารลดลง เริ่มเก็บตัว หรืออยู่ที่มืด เจ้าของสามารถช่วยเตรียมรังคลอดในที่สงบให้แม่สุนัขได้ และพยายามไม่ทำให้แม่สุนัขเครียด หรือรบกวนสุนัข สุนัขจะแสดงอาการนี้ประมาณ 12-48 ชั่วโมงก่อนคลอด
ระยะเบ่งคลอด
ให้เจ้าของสังเกตน้ำที่ไหลออกจากอวัยวะเพศ หากเริ่มมีน้ำคร่ำแตกออกมา แม่สุนัขจะเบ่งคลอดลูกตัวแรกออกมาภายใน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หากเกินระยะเวลา 2-4 ชั่วโมง มีแนวโน้มว่าแม่สุนัขกำลังประสบปัญหาการคลอด ระยะห่างการคลอดของลูกสุนัขตัวถัดไปปกติจะไม่เกินตัวละ 20-40 นาที หากเกิน 1 ชั่วโมง แม่สุนัขอาจมีปัญหาคลอดยาก ซึ่งแนะนำว่าให้รีบพาแม่สุนัขไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุการคลอดยาก เพื่อดำเนินการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
ระยะขับรก
เป็นระยะที่มีการขับรกและน้ำคล่ำที่ค้างในมดลูกหลังการคลอด โดยปกติแม่สุนัขอาจเลียหรือรับประทานเข้าไป พร้อมกับการเลียตัวทำความสะอาดลูกสุนัข
"ใกล้คลอด 3 ระยะ 1.ระยะหาที่คลอด , 2.ระยะเบ่งคลอด , 3.ระยะขับรก"
โดยสรุปแล้ว ภาวะคลอดยากมักพบในแม่สุนัขที่ตัวเล็ก ผสมกับพ่อสุนัขขนาดใหญ่ แต่สามเคสที่ยกตัวอย่างข้างต้นมาเป็นสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิสุ ชิวาว่า มอลทีส เป็นต้น ส่วนระยะการคลอดที่เป็นระยะวิกฤติคือ ระยะเบ่งคลอด เป็นระยะที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่เพื่อการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ แนะนำให้พาแม่สุนัขไปตรวจสุขภาพก่อนการคลอดตามที่กล่าวมาข้างต้นได้ที่ โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท ทุกสาขา โดยทีมสัตวแพทย์ผู้เชียวชาญ และเครื่องมือที่พร้อมเพียง
สพญ.สุพัตรา จันทร์โฉม
โรงพยาบาลสัตว์ไอเว็ท ประเทศไทย